Chocolate
ช็อกโกแลต
คือผลิตผลที่ได้มาจากเมล็ดของต้นโกโก้เขตร้อน ช็อกโกแลตเป็นส่วนผสมของของหวานหลายชนิดไม่ว่าจะเป็นไอศกรีม ลูกอม คุกกี้ เค้ก หรือว่าพาย ช็อกโกแลตถือได้ว่าเป็นของหวานอย่างหนึ่งที่ถูกใจคนทั่วโลก
ต้นกำเนิดช็อกโกแลต
ประมาณ 3000 ปีมาแล้วที่คนพื้นเมืองของเผ่ามายา (Maya) ในอเมริกากลาง เป็นคนกลุ่มแรกที่นำเอาเมล็ดกาเกา (cacao bean) หรือเมล็ดโกโก้ มาทำเป็นเครื่องดื่มข้นๆ เรียกว่า "คาคาฮอดทัล" รสค่อนข้างขม แต่เมื่อเติมน้ำตาลแล้วรสชาติจะดี จึงมีการเรียกชื่อใหม่ว่า " ช็อกโกลาตส์ ( xocolatl ) " ซึ่งแปลว่าน้ำที่มีรสขม
ปี ค.ศ. 1502 Christopher Columbus เป็นชาวยุโรปคนแรกที่ได้เห็นต้นโกโก้ ปี ค.ศ. 1519 Hernando Cortez (เฮอร์นันโด คอร์เทส) นักสำรวจชาวสเปนที่เข้าไปถึงในกลางแม็กซิโกเพื่อล่าอาณานิคม จักรพรรดิ Montezuma II ( มอนแตสซูม่า ) และชาว Aztecs ( แอซแทค ) คิดว่า คอร์เทส เป็นพระเจ้าจากทะเล จึงต้อนรับด้วยเครื่องดื่มคาคาฮอดทัลหรือช็อกโกลาตส์กลับไปยังสเปนได้นำเอาเมล็ดโกโก้ไปปลูกด้วย ต่อมาคนสเปน ได้นำเมล็ดโกโก้มาทำเป็นเครื่องดื่ม เติมน้ำตาล วานิลลา และอบเชยลงไปทำให้มีกลิ่นและรสดี เรียกว่า ช็อกโกลาตส์ ในยุโรป และเมื่อไปถึงอังกฤษชื่อของช็อกโกลาตส์ก็เพี้ยนไปเป็น ช็อกโกแลต ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
ช็อกโกแลตทำจากการหมัก คั่ว และบดอย่างละเอียดของเมล็ดโกโก้ซึ่งได้มาจากต้นโกโก้เขตร้อน (tropical cacao tree) ซึ่งมีต้นกำเนิดจากอเมริกากลางและเม็กซิโก ต้นโกโก้นั้นถูกค้นพบโดยชาวอินเดียนแดงและชาวอัซเตก (Aztecs) แต่ในปัจจุบันได้แพร่กระจายและปลูกไปทั่วเขตร้อน เมล็ดของต้นโกโก้นั้นมีรสฝาดที่เข้มข้นมาก ผลผลิตของเมล็ดโกโก้รู้จักกันในนาม "ช็อกโกแลต" หรือบางส่วนของโลกในนาม "โกโก้"
- โกโก้ (cocoa) คือเมล็ดของต้นโกโก้
- เนยโกโก้ (cocoa butter) คือไขมันของเมล็ดโกโก้
- ช็อกโกแลต (chocolate) คือส่วนผสมระหว่างเมล็ดของต้นโกโก้และเนยโกโก้
ช็อกโกแลตคือส่วนผสมระหว่างเมล็ดของฝักถั่วโกโก้และเนยโกโก้ ซึ่งได้ผสมน้ำตาลและส่วนผสมอื่น ๆ และถูกทำให้อยู่ในรูปของแท่งและรูปอื่น ๆ
เมล็ดของต้นโกโก้นอกจากทำเป็นช็อกโกแลตได้แล้วยังสามารถทำเป็นเครื่องดื่มได้ด้วย เช่น ช็อกโกแลตร้อน เครื่องดื่มช็อกโกแลตนั้นได้ถูกคิดค้นขึ้นโดยชาวอัซเตก (Aztecs) หลังจากนั้นโดยชนเผ่าอินเดียนแดงและชาวยุโรป
บ่อยครั้งที่ช็อกโกแลตมักจะถูกทำให้อยู่ในรูปของสัตว์ต่าง ๆ คน หรือวัตถุในจินตนาการ เพื่อร่วมในงานเฉลิมฉลองต่าง ๆ ทั่วโลก เช่น รูปกระต่าย รูปทรงไข่ในเทศกาลอีสเตอร์ รูปของเหรียญหรือซานตาคลอสในเทศกาลคริสต์มาส และรูปทรงหัวใจในเทศกาลวาเลนไทน์
เมล็ดของต้นโกโก้นอกจากทำเป็นช็อกโกแลตได้แล้วยังสามารถทำเป็นเครื่องดื่มได้ด้วย เช่น ช็อกโกแลตร้อน เครื่องดื่มช็อกโกแลตนั้นได้ถูกคิดค้นขึ้นโดยชาวอัซเตก (Aztecs) หลังจากนั้นโดยชนเผ่าอินเดียนแดงและชาวยุโรป
บ่อยครั้งที่ช็อกโกแลตมักจะถูกทำให้อยู่ในรูปของสัตว์ต่าง ๆ คน หรือวัตถุในจินตนาการ เพื่อร่วมในงานเฉลิมฉลองต่าง ๆ ทั่วโลก เช่น รูปกระต่าย รูปทรงไข่ในเทศกาลอีสเตอร์ รูปของเหรียญหรือซานตาคลอสในเทศกาลคริสต์มาส และรูปทรงหัวใจในเทศกาลวาเลนไทน์
ช็อกโกแลตมี 3 ชนิด คือ ช็อกโกแลต (Dark Chocolate) ช็อกโกแลตขาว (White Chocolate) และช็อกโกแลตรสนม (MilkChocolate)
ช็อกโกแลตแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท ซึ่งมีความแตกต่างกันที่ส่วนผสม
1. Sweet Chocolate (ช็อกโกแลตชนิดหวาน) ช็อกโกแลตชนิดนี้จะเพิ่มความหวานลงไป มากกว่าช็อกโกแลตแบบหวานน้อย และมีส่วนผสมของน้ำช็อกโกแลตอย่างน้อย 15 % หวานน้อย
2. Liquor Chocolate เป็นผลผลิตจากเมล็ดโกโก้นำมาบดละเอียด แล้วนำมาคั้นเอาแต่น้ำ เจ้าน้ำช็อกโกแลตนี้สามารถ ทำให้เย็นและทำให้แข็งตัวโดยใส่พิมพ์ไว้ โกโก้บัทเตอร์ประมาณ 53%
3. dark chocolate หรือช็อกโกแลตดำ มีทั้งชนิด sweet chocolate semi-sweet bitter sweet ที่จะต้องมีเนื้อโกโก้อย่างน้อย 35 % ขึ้นไป ช็อกโกแลต
ช็อกโกแลตแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท ซึ่งมีความแตกต่างกันที่ส่วนผสม
1. Sweet Chocolate (ช็อกโกแลตชนิดหวาน) ช็อกโกแลตชนิดนี้จะเพิ่มความหวานลงไป มากกว่าช็อกโกแลตแบบหวานน้อย และมีส่วนผสมของน้ำช็อกโกแลตอย่างน้อย 15 % หวานน้อย
2. Liquor Chocolate เป็นผลผลิตจากเมล็ดโกโก้นำมาบดละเอียด แล้วนำมาคั้นเอาแต่น้ำ เจ้าน้ำช็อกโกแลตนี้สามารถ ทำให้เย็นและทำให้แข็งตัวโดยใส่พิมพ์ไว้ โกโก้บัทเตอร์ประมาณ 53%
3. dark chocolate หรือช็อกโกแลตดำ มีทั้งชนิด sweet chocolate semi-sweet bitter sweet ที่จะต้องมีเนื้อโกโก้อย่างน้อย 35 % ขึ้นไป ช็อกโกแลต
4. white chocolate ประกอบด้วยเนยโกโก้ น้ำตาล และนมผง ไม่มีเนื้อโกโก้ แต่อาจเติมวานิลาหรือสารแต่งกลิ่นบางประเทศไม่เรียกช็อกโกแลต เพราะไม่มีส่วนของเนื้อโกโก้ มีกลิ่นของโกโก้น้อย
5. milk chocolate จัดเป็น sweet chocolate ประกอบด้วยโกโก้ลิเคอร์ เนยโกโก้ น้ำตาล นมผง ส่วนมากจะมีส่วนผสมของนมผงมากกว่าโกโก้ลิเคอร์ มีส่วนผสมของเนื้อโกโก้ 10 – 20 % และนมผง 12 %
6. semisweet chocolate ประกอบด้วยโกโก้ลิเคอร์ เนยโกโก้ และน้ำตาลเล็กน้อย ใช้ทำขนมเค้ก คุกกี้ บราวนี ใช้แทนช็อกโกแลตดำได้ มีส่วนผสมของเนื้อโกโก้ (cocoa solid) 40 – 62 %
7. Couverture ช็อกโกแลตชนิดนี้เป็นชนิดที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว คือ เป็นมันเงา โดยปกติจะมีส่วนผสมของ cocoa butter อย่างน้อยที่สุด 32%
8. Confectionery Coating (เคลือบลูกกวาด) เป็นช็อกโกแลตที่ไว้เคลือบลูกกวาด โดยนำไปผสมกับน้ำตาล นมผง น้ำมันพืช และสารปรุงแต่งรสชาติต่างๆ มีสีสันหลากหลาย ลูกกวาดที่ได้นี้ผงโกโก้จะมีไขมันต่ำ แต่จะไม่มีส่วนผสมของ cocoa butter เหมือนชนิดอื่นๆ จึงแยกออกมาเป็นอีกประเภทหนึ่งได้
5. milk chocolate จัดเป็น sweet chocolate ประกอบด้วยโกโก้ลิเคอร์ เนยโกโก้ น้ำตาล นมผง ส่วนมากจะมีส่วนผสมของนมผงมากกว่าโกโก้ลิเคอร์ มีส่วนผสมของเนื้อโกโก้ 10 – 20 % และนมผง 12 %
6. semisweet chocolate ประกอบด้วยโกโก้ลิเคอร์ เนยโกโก้ และน้ำตาลเล็กน้อย ใช้ทำขนมเค้ก คุกกี้ บราวนี ใช้แทนช็อกโกแลตดำได้ มีส่วนผสมของเนื้อโกโก้ (cocoa solid) 40 – 62 %
7. Couverture ช็อกโกแลตชนิดนี้เป็นชนิดที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว คือ เป็นมันเงา โดยปกติจะมีส่วนผสมของ cocoa butter อย่างน้อยที่สุด 32%
8. Confectionery Coating (เคลือบลูกกวาด) เป็นช็อกโกแลตที่ไว้เคลือบลูกกวาด โดยนำไปผสมกับน้ำตาล นมผง น้ำมันพืช และสารปรุงแต่งรสชาติต่างๆ มีสีสันหลากหลาย ลูกกวาดที่ได้นี้ผงโกโก้จะมีไขมันต่ำ แต่จะไม่มีส่วนผสมของ cocoa butter เหมือนชนิดอื่นๆ จึงแยกออกมาเป็นอีกประเภทหนึ่งได้
Chocolate
แหล่งที่มา:http://sayfon-wbv.blogspot.com/p/blog-page.html
http://pirun.ku.ac.th/~b521105141/.html
เนื้อหาน่าสนใจ
ตอบลบเนื้อน่าอ่าน
ตอบลบขอบคุณค่ะ เนื้อหาดีมากเลย
ตอบลบได้ความรู้เรื่องช็อกโกแลตเพิ่มมากเลยคะ
ตอบลบ